logo-md.webp
Loading...

สล็อต เครดิตฟรี กับ‘วาฬสีน้ำเงิน’ สัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกที่เสี่ยงสูญพันธุ์

สล็อต เครดิตฟรี กับ‘วาฬสีน้ำเงิน’ สัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกที่เสี่ยงสูญพันธุ์
มนุษย์อาจเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หากเราเอาความสามารถของสมองมาเป็นเกณฑ์ เพราะคนเราจะทำอะไรก็ได้ คิดวิเคราะห์ได้ เป็นนักประดิษฐ์ก็ได้ แต่ถ้าเราเอาเรื่องน้ำหนักตัวและรูปร่างมาใช้เป็นเกณฑ์แน่นอนว่ามนุษย์จำเป็นต้องหลีกทางให้กับสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตัวจริงเสียงจริงอย่าง ‘วาฬสีน้ำเงิน’ ที่ใหญ่มานานกว่า 25 ล้านปีแล้ว  

วาฬสีน้ำเงิน หนักประมาณช้าง 33 ตัวรวมกัน

มันจึงเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อโตเต็มวัย

 
วาฬสีน้ำเงินหรือ The Antarctic blue whale มีชื่อวิทยาศาสตร์คิ้วท์ ๆ ว่า Balaenoptera musculus โดย Balaenoptera (บาลาเอนา) มาจากภาษาละติน แปลว่าวาฬ และ Pteron มาจากภาษากรีกโบราณแปลว่า ครีบ วาฬสีน้ำเงินไม่ใช่ปลา แต่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักมากถึง 200 ตันหรือประมาณช้าง 33 ตัวรวมกัน สามารถมีความยาวเต็มที่ที่ 30 เมตร ขนาดหัวใจของวาฬสีน้ำเงินมีขนาดเท่ารถยนต์คันเล็กหนึ่งคัน แค่เฉพาะลิ้นของมันก็มีน้ำหนักเทียบเท่ากับช้างหนึ่งตัว โดยวาฬสีน้ำเงินสามารถมีอายุขัยได้ยาวนานประมาณ 70-90 ปีเลยทีเดียว 
ส่วนลักษณะภายนอกลำตัวของวาฬสีน้ำเงินจะมีความเพรียวยาว สวยงาม สะดุดตา บวกกับส่วนหัวกว้างคล้ายตัวยูของวาฬสีน้ำเงินทำให้เป็นที่จดจำได้ง่าย ด้านหลังจะมีสีน้ำเงินเทา ส่วนท้องของมันจะมีสีจางกว่าเล็กน้อย หัวมีสีน้ำเงิน ด้านหลังและด้านข้างมีลายสีน้ำเงินหรือเทาอ่อนเป็นดวง ๆ มีร่องใต้คางที่ใช้หดขยายช่องปากอัตโนมัติเมื่อต้องกินอาหารจำนวน 60-88 ร่องที่ยาวไปจนถึงสะดือ ในขณะที่วาฬบรูด้ามีร่องใต้คางเพียงแค่ 40-70 ร่องเท่านั้น ทำให้มันกินตัวเคยและสัตว์น้ำเล็ก ๆ ทีละเป็นพัน ๆ กิโลได้สบาย 

 

ด้านอาหารการกินระหว่างช่วงฤดูกินอาหาร (the main feeding season) วาฬสีน้ำเงินสามารถกินตัวเคย สัตว์น้ำตัวจิ๋วได้มากถึง 3,600 กิโลกรัมต่อวัน และยังถือว่าเป็นสัตว์ที่ส่งเสียงในลักษณะคลื่นเสียงได้ดังและไกลที่สุดในโลกอีกด้วย อาจพูดได้ว่าดังราว ๆ 188 เดซิเบล ในขณะที่เสียงพูดคุยปกติทั่วไปจะอยู่ราว ๆ 60 เดซิเบล ถือว่าดังมากจนเป็นอันตรายต่อแก้วหูมนุษย์ทำให้หูหนวกได้ แม้แต่เครื่องบินเจ็ทที่ว่าดังมาก ๆ ก็ยังแพ้ให้กับเสียงของเจ้าวาฬสีน้ำเงิน เนื่องจากเครื่องบินเจ็ทมีเสียงดังราว ๆ 140 เดซิเบลเท่านั้น แต่ที่วาฬสีน้ำเงินต้องมีเสียงที่ดังขนาดนั้นก็เพื่อที่จะใช้คลื่นเสียงในการสื่อสารใต้น้ำ ช่วยในการหาคู่ นำทางใต้น้ำ หาอาหาร หลีกเลี่ยงนักล่า หรือเมื่อมันอยากข่มขู่ตัวอื่น ๆ ว่าอย่าเข้ามาแหยมกับมัน โดยสามารถที่จะได้ยินไกลถึง 100 กว่าไมล์เลยทีเดียว
เราจะพบเห็นวาฬสีน้ำเงินได้ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้, แอตแลนติก, มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแอนตาร์กติกา บางกลุ่มอยู่ประจำถิ่น แต่บางกลุ่มก็ใช้ชีวิตด้วยการอพยพไปเรื่อย ๆ เพื่อหาอาหารและการผสมพันธุ์ ในประเทศไทยเคยพบวาฬสีน้ำเงินบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา เมื่อปี 2553 และพบเกยตื้นเพียงครั้งเดียวที่บริเวณเกาะลิบง จ.ตรัง เมื่อปี 2556 และพบครั้งล่าสุดที่เกาะสิมิลัน ในปี 2560 ถือเป็นการพบในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 3

พฤติกรรมที่น่าสนใจของวาฬสีน้ำเงิน

การพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ โดยการว่ายน้ำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วโค้งตัวให้พ้นผิวน้ำ บิดลำตัวและทิ้งตัวลงอย่างสวยงามราวกับไร้น้ำหนัก โดยเอาส่วนหัวหรือด้านลำตัวลงก่อน 
 การกินอาหารแบบ Lunge Feeding เป็นการกินที่พุ่งส่วนหัวขึ้นมาเหนือน้ำ แล้วทิ้งขากรรไกรล่างลงที่ผิวน้ำและฮุบเหยื่อ 1 ครั้งหรือหลาย ๆ ครั้งแล้วจกตัวลงให้น้ำไหลผ่านซี่กรองและกลืนอาหารลงท้อง จากนั้นจะขึ้นมาหายใจแล้วกินต่อจนอิ่ม
ารตีหาง ใช้เมื่อต้องการหาอาหาร ส่งสัญญาณหรือสื่อสาร โดยการแพนหางตีน้ำจากด้านล่างหรือด้านข้าง ตีน้ำ 1 ครั้งหรือหลายครั้ง และสามารถพบพฤติกรรมการใช้หางตีน้ำเกิดขึ้นร่วมกับการพุ่งตัวเหนือน้ำ
การกินอาหารแบบตะแคง Side Feeding เป็นการกินอาหารอีกรูปแบบหนึ่งโดยการอ้าปากตะแคงไปกับผิวน้ำ มักพบในน้ำตื้นประมาณ 4-5 เมตรและกินเหยื่อที่ว่ายน้ำเร็ว 
การดักจับเหยื่อโดยใช้ฟองอากาศ หรือที่เรียกว่า Bubble-net feeding เป็นวิธีการที่วาฬสีน้ำเงินช่วยกันพ่นฟองอากาศเป็นวงกลมล้อมรอบฝูงปลาหรือเหยื่อที่เป็นเป้าหมายเอาไว้ ฟองอากาศดังกล่าวจะทำหน้าที่คล้ายตาข่ายที่ดักฝูกปลาเอาไว้ให้อยู่กันในวง เพื่อให้วาฬสามารถกินปลาได้ทีละหลาย ๆ ตัวพร้อมกันในคราวเดีย